ความจริง และ ความเท็จ จะเชื่อกันทันทีเลยหรือไร?

การเชื่อและรักที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว, ชอบตั้งคำถาม, สังเกตรวบรวมข้อมูล, ใช้จินตนาการตาม, ยินดีจะทดลองดูความรู้ที่ได้ว่าเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ แล้วจึงจะสรุปผลที่ได้ภายหลัง ถ้ายังไม่ชัดเจนในความรู้ที่ได้ก็จะยอมรับไว้ก่อน แต่ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนถ้ามีความรู้ใหม่กว่าหรือดีกว่า…
นี่เป็นวิธีเชิงวิทยาศาตร์ เป็นวิธีคิดที่ทำให้คนเรามีเหตุมีผล ไม่งมงาย หรือศรัทธากับอะไรง่ายเกินไป ไม่ถูกหลอกง่าย การรู้จักสงสัยที่มาที่ไปก่อนจะเชื่อนั้นจะทำให้ชีวิตปลอดภัยดี และไม่ก่ออันตรายต่อผู้อื่นหรือตนเองด้วย

อยากให้เพื่อน ๆ ญาติมิตรทั้งหลายได้ลองขบคิดดูว่าการลงความเห็นใด ๆ การเชื่ออะไรที่รับรู้ไว้ทันทีนั้น มันสุดโต่งเกินไป และพาประเทศเข้าสู่ความเสี่ยง เสี่ยงต่อการทะเลาะเบาะแว้ง และบานปลายไปไม่รู้ที่สิ้นสุด …ก็เห็นอยู่ในทุกกระทู้ของ "การเมือง" มันบ้าบิ่นเกินกว่าที่ฉันจะยอมรับได้

ถ้าเคยอ่านสามก๊ก หรือเคยดูหนังสามก๊ก คงรู้จักเตียวเสี้ยน ตั๋งโต๊ะ ลิโป้ การใช้แผนหญิงงาม การฉ้อฉลบิดเบือนหลอกลวงนั้นสามารถจัดฉากให้น่าเชื่อได้ นางงามเตียวเสี้ยนยินดีพลีกายให้ชาย 2 คน เพื่อล่อลวงให้ทั้งคู่ประหัตประหารกัน นางอาสาทำเองด้วย เพื่อแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และนางทำได้สำเร็จตามแผน ชายทั้งสองต้องจบชีวิตตามแผนโดยไม่มีใครสงสัยนางเลย…

เช่นเดียวกัน ทั้งเหลืองและแดง พวกคุณบางคนแม้จะยืนยันว่าคุณได้สัมผัสความจริงจากเหตุการณ์ด้วยตัวเอง ไปมาแล้ว เห็นมาจริง ได้ยินมาจริง ..แต่คุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณไม่ได้ถูกบิดเบือนมาก่อน ทางหนึ่งเขาพาคุณไป แต่อีกทางหนึ่งอาจมีใครกระตือรือร้นให้เกิดยั่วยุจนปะทะกันรุนแรง

พวกเราจำปี พ.ศ. 2535 พฤษภาทมิฬ ได้รึเปล่า?  จำได้ไหมตอนที่มหาจำลองประกาศอดข้าว อดน้ำ 10 วัน?  ซึ่งถ้าอดน้ำ คนธรรมดาไม่สามารถอดได้  ถ้าถึง 10 วันก็ต้องเดี้ยงแน่ แล้วบนเวทีเขาจัดการหาทางลงให้มหาจำลองด้วย พวกเขาหาทางขอความเห็น ขอมติมหาชน ว่าการชุมนุมจะขาดผู้นำที่เป็นคนดี ๆ อย่างมหาจำลองไม่ได้ ผู้ชุมนุมเห็นคล้อยตามจึงมีมติขอร้องมหาจำลองให้เลิกอดข้าวอดน้ำเพื่อกลับมาเป็นผู้นำการชุมนุมให้พวกเราต่อไป และมหาจำลองก็มีทีท่าอ่อนตามผู้ชุมนุมในตอนนั้นแล้วเลิกอดข้าวอดน้ำ หันกลับมาดื่มน้ำและกินข้าวและกลับมาอยู่บนเวทีตามเดิม ในตอนนั้นไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นการจัดฉากหาทางลงให้มหาจำลอง ถึงตอนนี้มีใครกี่คนที่รู้ 

….แล้วตอนนี้ก็เหมือนกันพวกเราทั้งแดงทั้งเหลืองรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ถูกปิดบังข้อมูล และถูกหลอกใช้โดยอาศัยความปรารถนาดีต่อชาติ (ที่พวกเราทุกสีต่างก็อ้างเช่นเดียวกันทั้งสิ้นว่า รักชาติ รักชาติ พร้อมคาดธงชาติไว้เหนือหัวกันแทบทั้งนั้น)

จึงอยากเตือนพวกเราให้สำนึกและพิจารณาให้ดี ว่า อะไรคือ ความจริง หรือ ความเท็จ   
มีอะไรที่เป็นไปได้ มีเหตุผลใดจึงเป็นไปเช่นนั้น และมันน่าเชื่อถือทันทีที่ได้รู้เลยหรือไม่    

หวังว่าพวกเราจะตาสว่างกันทุกคน อย่างน้อยก็ตาสว่าง รู้ทันอารมณ์ของตัวเองไว้บ้างก็ยังดีนะคะ

ปรารถนาให้พวกเรามีความสงบสุข ร่มเย็น อยู่ดีกินดีมีเงินกันทุกคน….
หวังในความสุขสันติของชาติไทย และของมวลมนุษย์ในโลกนี้ด้วย….

จากใจจริง

 
**ความจริง ความเท็จ**

ความจริงกับความเท็จ
…มักจะเดินคู่กันเสมอ…
ถ้าเราไปเห็นความเท็จแล้วพอใจในสิ่งนั้นเสีย
ความจริงก็ไม่ปรากฏแก่เรา
แต่ถ้าพยายามมองให้ทะลุความเท็จอันเป็นมายาเข้าไป
ความจริงก็ปรากฏแก่เรา
คนใดได้ทราบความจริงแล้ว
…คนนั้นจะเป็นไท…
ไม่มีความหลงใหลมัวเมาในสิ่งนั้นๆ ต่อไปอีก
เมื่อความหลงไม่มี
ปัญญาก็ปรากฏ
…ปัญญานั่นแหละ…
เป็นประทีปส่องให้ได้เห็นของจริง

พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ)

 

2 responses to this post.

  1. Posted by ธนิตา on มีนาคม 28, 2009 at 5:51 pm

    ภาษาไทยวันละคำวันนี้ ขอเสนอคำว่า อำมาตย์อำมาตย์ = อำ + หมาด อำ = หลอก ปิด บัง ไม่ให้ได้รู้ ไม่ให้ได้เห็นหมาด = ยังไม่แห้ง ยังเปียกอยู่ เหมือนผ้าเปียก ๆ ที่เพิ่งบิดเอาน้ำออกอำมาตย์ หรือ อำหมาด จึงหมายถึง อำกันหมาด ๆ หลอกหรือปิดบังกันไม่ให้ต้องได้รู้เห็นอะไรทั้งที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ (:ฉะนั้น อำมาตยาธิปไตย จะหมายความอย่างไร คิดต่อกันเองก็แล้วกันนะ

    ตอบกลับ

  2. Posted by ธนิตา on มีนาคม 28, 2009 at 5:53 pm

    ภาษาไทยวันละคำ สองคำ ไปไหนมา สามวาสองศอกน้ำขึ้นรีบตักมือใครยาวสาวได้สาวเอากินตามน้ำด้านได้ อาย-อด(:

    ตอบกลับ

ใส่ความเห็น