By danai
จะว่าไปแล้วเรื่องอย่างนี้มันเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับมีมนุษย์อุบัติขึ้นมาในโลก เพราะสิ่งที่ติดตัวมากับมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์หาได้แตกต่างกันไม่ นั่นคือ อารมณ์ อันเป็นความรู้สึกพื้นฐานที่มีตั้งแต่ รัก โลภ โกรธ หลง อาฆาต พยาบาท น้อยใจ เคียดแค้น ไม่ต้องย้อนเวลากลับไปดูไกลมาก เอาแค่สมัยพุทธกาลเราก็พอจะได้ยินเรื่องราวของพระเทวทัต ผู้เป็นทั้งพระญาติ พระลูกศิษย์ และศัตรูคู่อาฆาตของพระพุทธเจ้าที่ตามจองเวรจองกรรมพระพุทธองค์มาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ เรามาดูต้นเหตุการจองเวรพระพุทธเจ้าของพระเทวทัตกัน
ในสมัยก่อนพุทธกาล มีพ่อค้าเครื่องประดับอยู่ ๒ คน มีชื่อว่าเสริวะ เหมือนกัน อยู่ในเมืองเดียวกัน ได้ไปค้าขายร่วมทางกันเสมอ อยู่มาคราวหนึ่งได้ไปถึงตำบลหนึ่งพร้อมกัน คนหนึ่งเข้าทางตะวันออก คนหนึ่งเข้าทางตะวันตก คนที่เข้าทางตะวันตกได้ไปถึงบ้านเศรษฐีตกยากคนหนึ่ง ซึ่งมีแค่ยายกับหลานสาวเท่านั้น หลานสาวอยากได้เครื่องประดับ ยายจึงนำถาดเก่าสนิมเกรอะใบหนึ่งออกมาแลก พ่อค้าคนนั้นเอาเข็มกรีดดู ก็รู้ว่าเป็นทองคำ จึงชั่งน้ำหนักดู เห็นหนักตั้งแสนกหาปณะก็ดีใจมากคิดอยากได้เปล่า จึงแกล้งบอกว่าถาดนี้ไม่มีราคา แล้วก็วางลงออกเดินทางต่อไป ด้วยคิดจะย้อนกลับมาเอาเปล่าๆ หรือเอาอย่างราคาถูกที่สุดในภายหลัง
แต่พอไปได้สักครู่ใหญ่ พ่อค้าที่เข้าทางตะวันออกก็มาถึง เมื่อยายนำถาดทองคำมาขอแลกก็หยิบถาดทองคำขึ้นดูรู้ว่าหนักผิดปกติก็เอาเข็มกรีดดู พอรู้ว่าเป็นทองคำก็บอกตามความจริงว่า ถาดนี้เป็นถาดทองคำ ยายจึงว่าถ้าอย่างนั้นก็เห็นจะเป็นบุญของหลาน เพราะพ่อค้าคนก่อนบอกว่าไม่มีราคา หลานจงเอาไปเถิด ให้เครื่องประดับแก่หลานของยายสักเล็กน้อยก็แล้วกัน พ่อค้านั้นจึงบอกว่าเครื่องประดับทั้งหมดของหลานที่มีมาก็มีราคาเพียง ๕oo กหาปณะเท่านั้น หลานจะยกให้หมดแล้วจะแถมให้อีก ว่าแล้วก็ยกเครื่องประดับทั้งหมดแถมเงิน ๕oo กหาปณะให้ แล้วรีบถือเอาถาดใบนั้นไป
เมื่อพ่อค้านั้นออกไปแล้ว ไม่ช้าพ่อค้าคนก่อนก็ย้อนกลับมาถึง พอรู้เรื่องก็เสียใจล้มทั้งยืน เมื่อฟื้นสติขึ้นก็คว้าไม้คันชั่งออกวิ่งตามไป ทันพ่อค้าซึ่งกำลังนั่งเรือข้ามน้ำจวนจะถึงฝั่งโน้นแล้ว จึงตะโกนเรียกให้กลับ เมื่อพ่อค้านั้นไม่กลับก็กล่าวคำจองเวรขึ้นว่า ขอให้เราได้ทำร้ายท่านในชาติต่อๆ ไปให้จงได้ ว่าแล้วก็หัวใจแตกตาย มาชาติสุดท้ายพ่อค้านั้นได้มาเกิดเป็นพระเทวทัต ส่วนพ่อค้าอีกคนที่ซื่อสัตย์ได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งในอีกหลายชาติต่อมา พระเทวทัตก็ยังตามมาจองเวรจองกรรมพระพุทธเจ้าไม่ได้หยุดหย่อน แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความดีงามของพระพุทธองค์ที่มีมากมายจนหาที่เปรียบไม่ได้ ส่วนพระเทวทัตก็ต้องไปเสวยผลกรรมในขุมนรกอเวจีไม่ได้ผุดได้เกิด
เมื่อมาพิจารณาดูให้ลึกซึ้งแล้วจะพบว่าเรื่องราวต่างๆ นี้ไม่ได้ไกลจากตัวเราเลย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่พระเทวทัตก็เป็นคนฉลาด รอบรู้ในเรื่องต่างๆ แต่เหตุที่ทำให้กลายเป็นผู้มีความอาฆาต พยาบาทก็เนื่องมาจากการขาดสติยั้งคิดและไร้ซึ่งปัญญานั่นเอง มุ่งแต่จะเอาชนะ อยากมีให้มากกว่า เริ่มจากอาการน้อยใจตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จยังเมืองโกสัมพี มีประชาชนนำของมาถวายพระพุทธเจ้าและพระสาวกเยอะแยะ แต่พระเทวทัต
กลับไม่ได้อะไรเลย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความน้อยใจซึ่งเป็นโทสะ จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นวางแผน ทั้งๆ ที่ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าได้ทรงตักเตือนทั้งทางตรงทางอ้อม พร่ำสอนต่างๆ นานา แต่กลับไม่นำพา ไม่เคยเลยที่จะฉุกคิด มีแต่ความโลภ อาฆาต มาตรร้าย มุ่งหวังแต่จะเอาชนะให้ได้ถ่ายเดียว ถึงขั้นหมายเข่นฆ่าชีวาให้อาสัญ
คนเราเมื่อไม่มีปัญญาและขาดไร้ซึ่งสติเสียแล้ว ก็จะถูกความชั่วร้ายเข้าครอบงำจิตใจได้โดยง่าย เป็นเหตุให้นำไปสู่การกระทำในสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ มีแต่ความโลภโมโทสัน อยากได้อยากมี อยากยิ่งใหญ่เกินกว่าใครๆ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเดือดร้อน ดังนั้นจึงได้แต่ขอวิงวอนให้เราท่านทั้งหลายจงมีสติและปัญญา รู้ผิดชอบชั่วดี รู้จักหยุดเสียบ้าง หยุดปากไว้ไม่พูดพร่ำคำเพ้อ หยุดกายไม่ให้เผลอทำชั่ว หยุดใจไม่คิดชั่ว หยุดได้อย่างนี้แล้ว โลกเราคงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ.